วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พรวันคริสมาสต์ และวันปีใหม่ สำหรับทุกๆ คน

1. จงอย่าประเมินค่าของตัวเองให้ต่ำต้อย โดยการเปรียบเทียบกับคนอื่น พึงระลึกเสมอว่า เราทุกคนล้วนแตกต่างกัน และทุกคนล้วนก็มีเอกลักษณ์พิเศษเป็นของตัวเอง

2. อย่าปล่อยให้ชีวิตผ่านไปอย่างไร้ค่า ด้วยการปล่อยเวลาให้ผ่านไป จงคิดว่าทุกๆ วันที่ผ่านพ้นไปคือส่วนหนึ่งของชีวิตเราที่ผ่านไปด้วยเช่นกัน

3. อย่าเพิ่งละความพยายามเมื่อเจอปัญหา จงจำไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะจบสิ้น เมื่อคุณละทิ้งความพยายามของคุณ

4. อย่ากลัวที่จะยอมรับว่า เราไม่ใช่คนที่สมบูรณ์พร้อมในทุกอย่าง เพราะการหลงตัวเองจะเปรียบเสมือนเส้นผมบางๆที่บังตา ไม่ให้คุณมองเห็นคนอื่นและสิ่งรอบตัว

5. จงอย่ากลัวความเสี่ยง เพราะมันคือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้ความกล้าหาญ

6. อย่าทิ้งความรักไปจากชีวิต โดยการบอกว่าไม่มีทางที่จะหามันพบ หนทางที่ง่ายที่สุดที่จะได้รับความรัก คือการรู้จักให้ และการรักษาความรักที่ดีที่สุด คือการให้อิสระกับมัน จำไว้ว่ายิ่งคุณพยายามไขว่คว้ามันไว้กับตัวคุณมากเท่าไร มันยิ่งจะจากไปจากคุณได้เร็วเท่านั้น

7. อย่าลืมที่จะระลึกอยู่เสมอว่า คุณมาจากที่ไหน และกำลังจะไปที่ใด

8. พึงตระหนักว่า ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เราต้องการ คือความประทับใจ

9. จงอย่ากลัวการรับรู้ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ความรู้นั้นไร้น้ำหนัก แต่เป็นทรัพย์สมบัติอันมีค่าที่มันจะติดตัวคุณไป และจะไม่มีใครที่สามารถขโมยมันไปจากคุณได้

10. จงใช้เวลาและคารมอย่างระมัดระวัง เพราะทุกสิ่งที่ผ่านไปจะไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ เหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับ

11. จงรู้ว่าชีวิตไม่ใช่การแข่งขัน แต่ชีวิตคือการเดินทาง คือการสัมผัสรับรู้ในแต่ละก้าวที่เดินไป

12. และสุดท้าย จำจำไว้ว่า ความดีนั้นไม่มีขายในท้องตลาด อยากได้ต้องทำเอาเอง

พรวันคริสมาสต์ และวันปีใหม่ สำหรับทุกๆ คน

1. จงอย่าประเมินค่าของตัวเองให้ต่ำต้อย โดยการเปรียบเทียบกับคนอื่น พึงระลึกเสมอว่า เราทุกคนล้วนแตกต่างกัน และทุกคนล้วนก็มีเอกลักษณ์พิเศษเป็นของตัวเอง

2. อย่าปล่อยให้ชีวิตผ่านไปอย่างไร้ค่า ด้วยการปล่อยเวลาให้ผ่านไป จงคิดว่าทุกๆ วันที่ผ่านพ้นไปคือส่วนหนึ่งของชีวิตเราที่ผ่านไปด้วยเช่นกัน

3. อย่าเพิ่งละความพยายามเมื่อเจอปัญหา จงจำไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะจบสิ้น เมื่อคุณละทิ้งความพยายามของคุณ

4. อย่ากลัวที่จะยอมรับว่า เราไม่ใช่คนที่สมบูรณ์พร้อมในทุกอย่าง เพราะการหลงตัวเองจะเปรียบเสมือนเส้นผมบางๆที่บังตา ไม่ให้คุณมองเห็นคนอื่นและสิ่งรอบตัว

5. จงอย่ากลัวความเสี่ยง เพราะมันคือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้ความกล้าหาญ

6. อย่าทิ้งความรักไปจากชีวิต โดยการบอกว่าไม่มีทางที่จะหามันพบ หนทางที่ง่ายที่สุดที่จะได้รับความรัก คือการรู้จักให้ และการรักษาความรักที่ดีที่สุด คือการให้อิสระกับมัน จำไว้ว่ายิ่งคุณพยายามไขว่คว้ามันไว้กับตัวคุณมากเท่าไร มันยิ่งจะจากไปจากคุณได้เร็วเท่านั้น

7. อย่าลืมที่จะระลึกอยู่เสมอว่า คุณมาจากที่ไหน และกำลังจะไปที่ใด

8. พึงตระหนักว่า ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เราต้องการ คือความประทับใจ

9. จงอย่ากลัวการรับรู้ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ความรู้นั้นไร้น้ำหนัก แต่เป็นทรัพย์สมบัติอันมีค่าที่มันจะติดตัวคุณไป และจะไม่มีใครที่สามารถขโมยมันไปจากคุณได้

10. จงใช้เวลาและคารมอย่างระมัดระวัง เพราะทุกสิ่งที่ผ่านไปจะไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ เหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับ

11. จงรู้ว่าชีวิตไม่ใช่การแข่งขัน แต่ชีวิตคือการเดินทาง คือการสัมผัสรับรู้ในแต่ละก้าวที่เดินไป

12. และสุดท้าย จำจำไว้ว่า ความดีนั้นไม่มีขายในท้องตลาด อยากได้ต้องทำเอาเอง

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันที่6ธันวาคม2553

วันนี้วันเกิดกูนะ  ทำไมเจอแต่เรื่องซวยๆ เรยอ่า

พ่อกะแม่ก้อ..อะไรก้อไม่รุ   วันนี้จาทำไรดีว่ะเนี่ย 



เบื่อออออออออออออ.....................................
(มันคงจาเปนอย่างนี้ทุกปี)

80เรื่อง"พ่อหลวง"ที่คุณ(อาจ)ยังไม่เคยรู้

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันต้านเอดส์โลก วันเอดส์โลก (1 ธันวาคม)

วันต้านเอดส์โลก วันเอดส์โลก
1 ธันวาคม ของทุกปี
        องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดเอา วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปีเป็น"วันโลกต้านเอดส์" (WORLD AIDS DAY) และในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ถือว่า เป็นวันโลกต้านเอดส์ครั้งแรก
        ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2532 ถือว่าเป็นวันโลกต้านเอดส์ครั้งแรก มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์หลายรูปแบบพร้อมกันทั่วโลก
โดยตั้งความหวังไว้ว่า
        1.จะพยายามหยุดยั้งโรคเอดส์
        2.ให้ความเห็นใจ ห่วงใย ต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์
        3.ให้ทุก ๆ คนได้รู้เรื่องโรคเอดส์ 
        จากการที่องค์การอนามัยโลก ได้ให้ความสำคัญของโรคเอดส์ดังกล่าว ย่อมเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า โรคเอดส์เป็นโรคที่มีความรุนแรง มีผลกระทบต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคมและต่อประเทศชาติ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากมาย
โรคเอดส์ (Acquired Immune Deficiency Syndrome) AIDS 
A = Acquired หมายถึง ภาวะที่เกิดขึ้นภายหลังไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด หรือไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
I = Immune หมายถึง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
D = Deficiency หมายถึง ความบกพร่อง ความเสื่อม
S = Syndrome หมายถึง กลุ่มอาการของโรค ซึ่งมีอาการหลายลักษณะตามระบบต่าง ของร่างกาย 
        โรคเอดส์ (AIDS) หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Acquired Immune Deficiency Syndrome) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเซียนซีไวรัส (Human Immunodeficiency Virus) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า เอชไอวี (HIV) ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้กันต่ำลงเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกไวรัสทำลายและเสียชีวิตจากโรคต่าง ๆ ที่เข้ามาซ้ำเติมในภายหลัง (เรียกว่าโรคฉวยโอกาส) เช่น วัณโรค ปอดบวม ติดเชื้อในระบบโลหิต เชื้อรา ฯลฯ
เชื้อไวรัสเอดส์นี้มีหลายสายพันธุ์
        สายพันธุ์หลักดั้งเดิม ได้แก่ เอชไอวี-1 (HIV-1) ซึ่งแพร่ระบาดในแถบสหรัฐอเมริกา ยุโรป และแอฟริกา กลาง 

        สายพันธุ์เอชไอวี-2 (HIV-2) แพร่ระบาดในแถบแอฟริกาตะวันตก นอกจากนั้นยังมีสายพันธุ์ย่อยอื่น ๆ อีกมากมายตามเวลาที่ผ่านไป ทั้งนี้เนื่องจากเชื้อไวรัสเอดส์นี้สามารถกลายพันธุ์ได้ง่าย 
อาการติดเชื้อเอดส์แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1
         กลุ่มผู้ที่ตรวจพบเชื้อไวรัสเอดส์แต่ยังไม่ปรากฎอาการผิดปกติแต่อย่างใด บุคคลกลุ่มนี้จัดเป็นพาหะนำโรคซึ่งสามารถแพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่นได้อย่างไม่จำกัดจำนวนนับว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญ เพราะผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เป็นเวลานาน หากไม่มีการตรวจพบเชื้อจะไม่มีทางทราบได้เลย ว่าบุคคลนี้มีเชื้อไวรัสเอดส์อยู่ในร่างกาย จนกว่าจะมีอาการป่วยปรากฎออกมาให้เห็น

ระยะที่ 2         เป็นอาการที่พบได้ก่อนที่จะปรากฎอาการป่วยเป็นโรคเอดส์ (AIDS-Relate Complex) หรืออาจเรียกว่า กลุ่มอาการ ARC หมายถึง กลุ่มที่มีอาการ จะสังเกตได้จากอาการเรื้อรังที่ไม่ทราบสาเหตุในระยะนี้สามารถตรวจพบภูมิคุ้มกันในเลือดของผู้มีอาการนำ หรืออาจจะสังเกตลักษณะของอาการได้ดังนี้
        1.มีไข้สูงเกิน 37.8 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลานานไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
        2.น้ำหนักตัวลดลงมากกว่า 4.5 กิโลกรัม หรือมากว่าร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัวเดิมภายใน 2 เดือน
        3.ต่อมน้ำเหลืองตามร่างกายหลายแห่งบวมโตนานกว่า 3 เดือน
        4.อุจจาระร่วงเรื้อรังนาน 1-3 เดือน
        5.เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย มีเหงื่อออกตอนกลางคืน และพบว่าร้อยละ 20 ของกลุ่ม ARC จะมีอาการลุกลามไปเป็นโรคเอดส์ในเวลาต่อมา
        6.แขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่งจะไม่มีเรี่ยวแรงและทำงานไม่ประสานกัน 
ระยะที่ 3
        เป็นระยะที่กลุ่มผู้ป่วยจะปรากฎอาการของโรคเอดส์ซึ่งอาการในระยะนี้แบ่งตามอาการที่ปรากฏออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือการติดเชื้อชนิดฉวยโอกาส และอาการของโรคมะเร็ง
กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเอดส์ สามารถแยกออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
        1.กลุ่มมีเพศสัมพันธ์ผิดธรรมชาติหรือสำส่อนทางเพศ เช่น กลุ่มรักร่วมเพศชาย กลุ่มรักต่างเพศ
        2.กลุ่มผู้ติดยาเสพติด
        3.กลุ่มที่รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์จากเลือด
        4.กลุ่มที่ได้รับเลือดจากมารดา 

15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพ พร้อมรับลมหนาว

กินยาคุมย้อนศรจะเกิดฤทธิ์เหมือนยาบ้า จริงหรือ ?